วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ศาสดาเอกของโลก



 
 
    ชนเหล่าใด ถึงพระพุทธเจ้าว่าเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด ชนเหล่านั้น ละโลกนี้ไปแล้ว จักไม่ไปสู่อบายภูมิ เมื่อละ   กายมนุษย์นี้แล้ว จักยังหมู่เทวดาให้บริบูรณ์

     พระรัตนตรัย เป็นสรณะอันเกษมสูงสุดของสรรพสัตว์ทั้งหลาย มีอานุภาพเป็นอจินไตย ยิ่งใหญ่กว่าผู้มีรู้มีญาณจะคาดคะเนได้ ผู้เข้าถึงพระรัตนตรัย เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับท่าน จะเกิดความซาบซึ้งในพระคุณอันไม่มีประมาณนั้น เมื่อมีทุกข์ท่านก็จะช่วยขจัดปัดเป่าให้พ้นทุกข์ มีสุขแล้วก็ทำให้พบความสุขยิ่งๆ ขึ้นไป ชีวิตของเราจะได้รับการคุ้มครอง ทำให้ปลอดจากภยันตรายทั้งปวง ผู้รู้ทั้งหลายจึงยึดพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ที่พึ่งที่ระลึกสำหรับการดำเนินชีวิต การทำสมาธิ(Meditation)ภาวนา ฝึกฝนใจให้หยุดนิ่งเป็นทางลัดที่สุด ที่จะทำให้เราเข้าไปพบกับพระรัตนตรัยภายใน


พระพุทธเจ้านั้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ 

1. พระสัมมาสัมพุทธเจ้า 
2. พระปัจเจกพระพุทธเจ้า 


พระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือผู้ที่เป็นศาสดาเอกในพุทธศาสนา แบ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าออกเป็น 3 ประเภท 

1.ปัญญาพุทธเจ้า คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้ปัญญาเป็นตัวนำ
ระยะเวลาการสร้างบารมีทั้งหมด 20 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป คือปรารถนาอยู่ในใจเป็นเวลา 7 อสงไขย 
หลังจากนั้นออกปากกล่าววาจาต่อพระพักตร์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นเวลา 9 อสงไขย รวมเป็น 16 อสงไขย และได้เป็นพระนิยตะโพธิสัตว์ 
ได้รับพุทธพยากรณ์ ครั้งแรก เหลืออีก 4 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป เป็นการสร้างบารมีอย่างยิ่งและเข็มงวดขึ้นเรื่อย 
และได้รับพยากรณ์ช้ำมาตลอดเมื่อได้พบกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จนถึงสมัยพุทธภูมิของท่าน 

2. ศรัทธาพุทธเจ้า คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้ศรัทธาเป็นตัวนำ ระยะเวลาการสร้างบารมีทั้งหมด 40 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป 
คือปรารถนาอยู่ในใจเป็นเวลา 14 อสงไขย หลังจากนั้นออกปากกล่าววาจาต่อพระพักตร์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นเวลา 18 อสงไขย รวมเป็น 32 
อสงไขย และได้เป็นพระนิยตะโพธิสัตว์ ได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรก เหลืออีก 8 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป 
เป็นการสร้างบารมีอย่างยิ่งและเข็มงวดขึ้นเรื่อย และได้รับพยากรณ์ช้ำมาตลอดเมื่อได้พบกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จนถึงสมัยพุทธภูมิของท่าน 

3. วิริยะพุทธเจ้า คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้วิริยะเป็นตัวนำ ระยะเวลาการสร้างบารมีทั้งหมด 80 อสงไขยกับเศษแสนมหากับล์ 
คือปรารถนาอยู่ในใจเป็นเวลา 28 อสงไขย หลังจากนั้นออกปากกล่าววาจาต่อพระพักตร์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นเวลา 36 อสงไขย รวมเป็น 64 
อสงไขย และได้เป็นพระนิยตะโพธิสัตว์ ได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรก เหลืออีก 16 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป 
เป็นการสร้างบารมีอย่างยิ่งและเข็มงวดขึ้นเรื่อย และได้รับพยากรณ์ช้ำมาตลอดเมื่อได้พบกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จนถึงสมัยพุทธภูมิของท่าน 

ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้ มีพระนามว่า พระศรีศากยมนีโคดมพุทธเจ้า พระองค์ทรงสร้างบารมีมาทาง ปัญญาพุทธเจ้า 

พระปัจเจกพระพุทธเจ้า คือ พระพุทธเจ้า ที่ตรัสรู้ชอบโดยพระองค์เอง แต่ไม่ทรงประกาศพระศาสนา 
ไม่ใช่ไม่สามารถแนะนำใครต่อใคร แต่พระองค์ท่านรู้ว่ามิใช่อำนาจหน้าที่ของท่าน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น ที่จะทำหน้าที่นั้นแทน 

จะใช้เวลาสั่งสมบุญบารมี เพี่ยงแค่ครึ่งหนึ่งของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แบบปัญญาพุทธเจ้านะครับ คือ 2 อสงไขยกับเศษแสนมหากัปป์ 


พระโพธิสัตว์ คือบุคคลที่ปรารถนาเพื่อจะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต แบ่งเป็น 2 ประเภท 

1.พระโพธิสัตว์ที่ยังไม่ได้รับพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ก่อนมาเลย เรียกว่า อนิยตะโพธิสัตว์ 
ความหมายคือยังไม่แน่นอนว่าจะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะอาจจะเลิกล้มความปรารถนาเมื่อไรก็ได้ 

2.พระโพธิสัตว์ที่ได้รับพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ก่อนมาแล้ว เรียกว่า นิยตะโพธิสัตว์ 
ตามความหมายคือจะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแน่นนอน เพราะถ้าถึงนิพพานต้องดำรงค์ฐานะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างเดียว 
แต่ถ้าบารมีและเวลายังไม่สมบูรณ์ แม้ว่าจะพยายามปฏิบัติอย่างยิ่งยวดบังเกิดปัญญาอย่างเยียมยอด ก็ไม่สามารถถึงนิพพานก่อนได้ 
แม้จะทุกข์ท้อแท้ จนคิดว่าเลิกที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว แต่แล้วในที่สุดมหากุศลที่เป็นอนุสัย 
ก็จะพุ่งกระจายขึ้นมาให้ตั้งมั่นและบำเพ็ญบารมีกันต่อ จนกว่าบารมีและเวลาสมบูรณ์